โรคและการสุขาภิบาลโคเนื้อ-โคนม
ปัญหาสุขภาพและโรคสำคัญในโคเนื้อ

ความรู้พื้นฐานการแพร่ระบาดของโรค โดยทั่วไีปมี 2 ทาง คือ
1. ทางตรง
- หายใจรดกัน
- เชื้อเข้าทางบาดแผล
- การดูดนม
- การผสมพันธุ์
- เลียกินสิ่งขับถ่ายจากสัตว์ป่วย
- อุจจาระ ปัสสาวะ รก ของเหลวจากช่องคลอด
2. ทางอ้อม
ตัวนำมีชิวิต
- แมลงวัน ยุง เห็บ เหา ไร เหลือบ หอยคัน
- นก หนู สุนัข คน
ตัวนำไม่มีชีวิต
- น้ำ อาหาร วัสดุรองพื้นคอก เสื้อผ้า รองเท้า รถยนต์
- เครื่งองมือแพทย์
- ผลิตภัณฑ์สัตว์ที่นำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น กระดูกป่น นม
กลุ่มโรค โดยทั่วไปแบ่งออกได้ 4 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มโรคระบาด
- คอบวม (เฮโม)
- ปากเท้าเปื่อย (FMD)
- พาราทีบี (Paratuberculosis)
- ไข้ขา (Black leg)
2. กลุ่มโรคสัตว์ติดคน
- แอนแทรกซ์
- บรูเซลโลซิส
- วัณโรค (T.B.)
- พิษสุนัขบ้า
- เลปโตสไปโรซิส
3. กลุ่มโรคพยาธิต่างๆ
3.1 พยาธิในทางเดินอาหาร
อายุน้อยกว่า 6 เดือน
- พยาธิไส้เดือน
- พยาธิเส้นด้าย
- บิด
อายุมากกว่า 6 เดือน
- พยาธิใบไม้ตับ
- พยาธิปากขอ
- พยาธิใบไม้ในเลือด (ชิสโตโซม)
3.2 พยาธิภายนอก
- เห็บ
- ขี้เรื้อน
- หนอนแมลงไชแผล
- เหา
- แมลงดูดเลือดชนิต่างๆ เช่น แมลงวันคอก ตัวเหลือบ เห็บบิน
3.3 พยาธิในเลือด


- บาบีเซีย
- อะนาพลาสม่า
- ทริปปาโนโซม
- ไทเลอเรีย
โรคโคนมและโคเนื้อ เกิดเจ็บป่วยด้วยโรคแบบเดียวกัน แต่
บางโรคเกิดขึ้นกับโคนมบ่อยกว่าโคเนื้อ โรคโคนมบางโรค เชื้อ
สาเหตุสามารถติดต่อมาถึงคนโดยผ่านทางน้ำนม ดังนั้นคนที่บริโภค
น้ำนมดิบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคจึงมีโอกาสติดเชื้อโรคจากโคนมได้
เช่น วัณโรค (Tuberculosis) และโรคบรูเซลโลซิล (Brucellosis)
น้ำนมโคที่จะได้คุณภาพสูงโคนมจะต้องถูกควบคุมตรวจสอบโรคบาง
โรคเป็นประจำ โรคของโคนมที่น่าสนใจบางโรค ได้แก่
บางโรคเกิดขึ้นกับโคนมบ่อยกว่าโคเนื้อ โรคโคนมบางโรค เชื้อ
สาเหตุสามารถติดต่อมาถึงคนโดยผ่านทางน้ำนม ดังนั้นคนที่บริโภค
น้ำนมดิบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคจึงมีโอกาสติดเชื้อโรคจากโคนมได้
เช่น วัณโรค (Tuberculosis) และโรคบรูเซลโลซิล (Brucellosis)
น้ำนมโคที่จะได้คุณภาพสูงโคนมจะต้องถูกควบคุมตรวจสอบโรคบาง
โรคเป็นประจำ โรคของโคนมที่น่าสนใจบางโรค ได้แก่
เต้านมอักเสบ

เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับโคนมและมีผลเสียหายต่อการให้น้ำนมและ
สุขภาพโค การเกิดโรคเต้านมอักเสบ สร้างความเสียหายดังนี้
น้ำนมและสุขภาพโค การเกิดโรคเต้านมอักเสบ สร้างความเสียหาย
ดังนี้ เต้านมอักเสบเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ลุกลามเข้าไปในเต้านมโดย
ผ่านเข้าไปทางรูนม เชื้อสาเหตุมีมากมายหลายชนิด ที่พบบ่อยมักจะ
เป็นพวก Streptococcus หรือ Staphylococcus โรคเต้านมอักเสบที่
มีอาการรุนแรง โคจะแสดงอาการดังนี้
สุขภาพโค การเกิดโรคเต้านมอักเสบ สร้างความเสียหายดังนี้
- การให้น้ำนมของแม่โคลดลง
- ทำให้เสียเวลาในการดูแลรักษา
- เสียค่าใช้ยา และค่ารักษาพยาบาล
- น้ำนมจากโคที่เป็นโรคเต้านมอักเสบต้องเททิ้ง
- ทำให้ต้องคัดแม่โคออกจากฝูง
น้ำนมและสุขภาพโค การเกิดโรคเต้านมอักเสบ สร้างความเสียหาย
ดังนี้ เต้านมอักเสบเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ลุกลามเข้าไปในเต้านมโดย
ผ่านเข้าไปทางรูนม เชื้อสาเหตุมีมากมายหลายชนิด ที่พบบ่อยมักจะ
เป็นพวก Streptococcus หรือ Staphylococcus โรคเต้านมอักเสบที่
มีอาการรุนแรง โคจะแสดงอาการดังนี้
- เต้านมอักเสบ
- เต้านมบวม ร้อน บริเวณติดเชื้อเป็นไตแข็ง
- น้ำนมลด
- น้ำนมที่รีดได้ผิดปกติ เช่น น้ำนมจับตัวเป็นเส้น มีตะกอนสีเหลือง มีเลือดปน
- แม่โคไม่กินอาหาร ซึม มีไข้
Streptococcus


Staphylococcus


อาการเต้านมอักเสบเรื้อรัง โคมีอาการดังนี้
- น้ำนมที่รีดได้ผิดปกติ (มีตะกอน เป็นเกล็ด นมใส)
- เต้านมบวมและแข็ง ต่อมาอาจจะหายเป็นปกติ
- ารให้น้ำนมของแม่โคลดลง
การป้องกันและรักษาโรคเต้านมอักเสบทำได้โดย
1. รักษาความสะอาดของคอก อุปกรณ์ และทุกขั้นตอนของการรีด
2. ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำผสมน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดเต้านมให้สะอาด แล้ว
เช็ดด้วยผ้าสะอาดก่อนรีดทุกครั้ง
3. อย่าใช้เวลารีดนมนานเกินไป รีดนมให้หมดเต้า แล้วจุ่มหัวนมหรือ
เช็ดซ้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันทีที่รีดเสร็จ
4. อย่าเปลี่ยนคนรีดโดยไม่จำเป็น และรีดให้ตรงเวลา
5. ตรวจเช็คน้ำนมทุกเต้าก่อนรีดลงถังโดยรีดใส่ภาชนะสีเข้ม และถ้า
พบความผิดปกติ ให้รีดไปทิ้งห่างไกลจากคอก แล้วล้างมือให้สะอาด
6. รีดโคเต้านมอักเสบเป็นตัวสุดท้าย และรีดเต้าที่อักเสบเป็นเต้า
สุดท้ายด้วย
7. รักษาทันทีที่พบว่าโคเต้านมอักเสบ แล้วรีบแจ้งหรือขอคำแนะนำ
จากสัตวแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่เป็นรุนแรง (ดูรายละเอียด
จากเรื่องยาสอดเต้านม)
8. ควรสอดยาป้องกันเต้านมอักเสบให้แก่โคที่เคยเป็นโรคนี้เมื่อหยุด
รีดนม
1. รักษาความสะอาดของคอก อุปกรณ์ และทุกขั้นตอนของการรีด
2. ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำผสมน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดเต้านมให้สะอาด แล้ว
เช็ดด้วยผ้าสะอาดก่อนรีดทุกครั้ง
3. อย่าใช้เวลารีดนมนานเกินไป รีดนมให้หมดเต้า แล้วจุ่มหัวนมหรือ
เช็ดซ้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันทีที่รีดเสร็จ
4. อย่าเปลี่ยนคนรีดโดยไม่จำเป็น และรีดให้ตรงเวลา
5. ตรวจเช็คน้ำนมทุกเต้าก่อนรีดลงถังโดยรีดใส่ภาชนะสีเข้ม และถ้า
พบความผิดปกติ ให้รีดไปทิ้งห่างไกลจากคอก แล้วล้างมือให้สะอาด
6. รีดโคเต้านมอักเสบเป็นตัวสุดท้าย และรีดเต้าที่อักเสบเป็นเต้า
สุดท้ายด้วย
7. รักษาทันทีที่พบว่าโคเต้านมอักเสบ แล้วรีบแจ้งหรือขอคำแนะนำ
จากสัตวแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่เป็นรุนแรง (ดูรายละเอียด
จากเรื่องยาสอดเต้านม)
8. ควรสอดยาป้องกันเต้านมอักเสบให้แก่โคที่เคยเป็นโรคนี้เมื่อหยุด
รีดนม
รกค้าง (Retained placenta)
การเกิดรกค้างหมายถึงว่าหลังคลอดลูกแม่โคไม่ได้ขับรกออกมาใน
ช่วง 12-14 ชั่วโมง ปกติแล้วร้อยละ 10-20 ของแม่โคมักจะเกิดรก
ค้าง ถ้าเราเกิดขึ้นบ่อยครั้งสูงกว่าเกณฑ์ปกติแสดงว่าผู้เลี้ยงควรดูแล
เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด สาเหตุของรกค้างเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- เกิดการติดเชื้อโรคในช่องอวัยวะสืบพันธุ์ของแม่โคขณะอุ้มท้อง
- แม่โคได้รับวิตามิน A หรือ E ธาตุไอโอดีน และซิลิเนียมไม่เพียงพอ
- แคลเซียมและฟอสฟอรัสในอาหารไม่สมดุล
- แม่โคอ้วนมากเกินไป (ได้รับอาหารข้นมากเกินไป)
- เกิดความเครียดเนื่องจากคลอดลูกเร็วเกินไป


ไข้นม (Milk fever)
ไข้นมเกิดจากการขาดแคลเซียมในเลือด มักเกิดกับแม่โคที่มีอายุน้อย แม่โคที่ให้นมสูง มักเกิดภายใน 2-3 วันหลังคลอดลูก
อาการของไข้นม ประกอบด้วย- แม่โคเบื่ออาหาร
- แม่โคมีอาการตื่นเต้น
- ซึม ตัวเย็น เนื้อจมูก (muzzle) แห้ง
- เป็นอัมพาต ล้มลงนอน เอาหัวพาดไปกับลำตัว
- ต่อมานอนเอาข้างลง เกร็งยืดตัวหัวออก
- มีอาการท้องอืด

การป้องกันทำได้โดยการจัดสัดส่วนอาหารให้มีโภชนะสมดุลปรับอัตราส่วน Ca : P ให้ถูกต้อง การรักษาสัตว์ป่วยทำได้โดยการฉีดยาสารละลายแคลเซียมเข้าเส้นเลือด
การป้องกันโรคโคนม
โรคเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำความเสียหายให้แก่ผู้เลี้ยงโคนมไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดต่อร้ายแรง ซึ่งถ้า เกิดขึ้นกับฟาร์มใด อาจทำให้ถึงกับต้องเลิกล้มกิจการได้ การป้องกันโรคโคนมควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- เลี้ยงแต่โคที่แข็งแรงสมบูรณ์และปลอดจากโรค ไม่ควรเลี้ยงโคที่อ่อนแอโคที่เป็นเรื้อรังรักษาไม่หายขาด โรคทางกรรมพันธุ์ เช่น โรคไส้เลื่อน, โรคติดต่อร้ายแรง เช่นโรคแท้งติดต่อหรือวัณโรค เป็นต้น
- ให้อาหารที่มีคุณภาพดีและมีจำนวนเพียงพอ ถ้าให้อาหารไม่ถูกต้องเพียงพอ หรือให้อาหารเสื่อมคุณภาพ หรือมีสิ่งปลอมปนอาจทำให้โคเป็นโรคไข้น้ำนม, โรคขาดอาหาร รวมทั้งทำให้อ่อนแอเกิดโรคอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเกษตรกรควรซื้ออาหารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และระวังอาหารที่เป็นพิษ เช่นมีเชื้อรา พืชที่พ่นยาฆ่า แมลง เป็นต้น
- จัดการเลี้ยงดูและป้องกันโรคติดต่อร้ายแรงให้เหมาะสม สำหรับข้อนี้เป็นวิธีการลงมือปฏิบัติที่ค่อนข้าง สับสน เพื่อให้เข้าใจง่าย สะดวกแก่การปฏิบัติ จึงขอแยกแยะออกเป็นข้อ ๆ ดังนี้
- คอกคลอดควรได้รับการทำความสะอาด และใช้ยาฆ่าเชื้อพ่นหรือราดทิ้งไว้ 2-3 อาทิตย์ก่อนนำแม่โค เข้าคลอด
- ลูกโคที่เกิดใหม่ต้องล้วงเอาเยือกเมือกที่อยู่ในจมูกปากออกให้หมดเช็ดตัวลูกโคให้แห้ง
- สายสะดือลูกโคที่เกิดใหม่ต้องใส่ทิงเจอร์ไอโอดีนให้โชกและใส่ยากันแมลงวันวางไข่ทุกวันจนกว่าสาย สะดือจะแห้ง
- ให้ลูกโคกินนมน้ำเหลืองโดยเร็วถ้าเป็นไปได้ควรให้กินภายใน 15 นาทีหลังคลอด
- ทำความสะอาดคอกลูกโค เช่นเดียวกันคอกคลอดก่อนนำลูกโคเข้าไปเลี้ยง
- ควรเลี้ยงลูกโคในคอกเดี่ยวเฉพาะตัว
- เครื่องมือเครื่องใช้เช่น ถังนมที่ใช้เลี้ยงลูกโคไม่ควรปะปนกัน
- ให้ลูกโคกินนมไม่เกิน 10% ของน้ำหนักตัว แบ่งออกเป็น 2 ครั้งต่อวัน
- หัดให้ลูกโคกินอาหารและหญ้าโดยเร็ว (เมื่อลูกโคอายุได้ประมาณ 1 อาทิตย์) อาหารที่เหลือต้องกวาดทิ้ง ทุกวัน น้ำสะอาดควรมีให้กินตลอดเวลา
- ลูกโคต้องตัวแห้งเสมอ วัสดุที่ใช้รองนอนต้องเปลี่ยนทุกวัน
- แยกลูกโคที่อายุต่างกันให้อยู่ห่างกัน
- ถ่ายพยาธิเมื่อลูกโคอายุ 3 เดือน และถ่ายซ้ำอีกปีละ 1-2 ครั้งหรือตามความเหมาะสม
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแท้งติดต่อสะเตรน 19 ให้แก่ลูกโคเพศเมีย เมื่อลูกโคอายุ 3-8 เดือน
- เมื่อลูกโคหย่านมต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อร้ายแรงดังนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าต้องฉีดให้ครบ 3 ชนิด (เอ, เอเชียวันและโอ) และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน
- ฉีดวัคซีนโรคเฮโมรายิกเซพติซิเมีย (โรคคอบวม) และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน
- ฉีดวัดซีนโรคแอนแทรกซ์ (โรคกาลี) และฉีดซ้ำทุกปี
15. พ่นหรืออาบยาฆ่าเห็บทุก 15 วัน หรือตามความเหมาะสม เช่น
อาจจะอาบหรือพ่นทุก 1 เดือนหรือ นานกว่านี้ก็ได้
อาจจะอาบหรือพ่นทุก 1 เดือนหรือ นานกว่านี้ก็ได้
16. แม่โคที่แสดงอาหารแบ่งนานเกิน 3 ชั่วโมงแล้วไม่สามารถคลอด
ลูกได้ หรือแม่โคที่คลอดลูกแล้วมีรก ค้างเกิน 12 ชม. ควรตาม
สัตวแพทย์
17. จัดการป้องกันโรคเต้านมอักเสบโดยเคร่งครัดดังนี้
บริเวณคอกต้องแห้ง ไม่มีที่ชื้นแฉอะแฉะ เป็นโคลนตมไม่มีวัตถุ
แหลมคม เช่นรั้ว ลวดหนาม ตาปู
- รีดนมตามลำดับโดยรีดโคสาวก่อน แล้วรีดโคที่มีอายุมากขึ้น ส่วนโคที่เป็นโรคให้รีดหลังสุด
- ก่อนรีดต้องเช็ดเต้านมด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น น้ำคลอรีน ผ้าที่ใช้เช็ดเต้านมควรใช้เฉพาะตัวไม่ปะปนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น