วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

พันธุ์โคเนื้อ-โคนมเขตร้อน การคัดเลือกโคจากลักษณะภายนอก (appearance)


พันธุ์โคเนื้อ-โคนมเขตร้อน การคัดเลือกโคจากลักษณะภายนอก (appearance)

พันธุ์โคเนื้อ-โคนมเขตร้อน


พันธุ์และลักษณะโคเนื้อ

โคพันธุ์ขาวลำพูน

โคเพศผู้พันธุ์ขาวลำพูน

            โคพันธุ์ขาวลำพูน เป็นโคพันธุ์พื้นเมืองในภาคเหนือของไทย โดยเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว พ่อค้าที่อยู่ตามแนวชายแดน
ไทย-พม่า แถบแม่ฮ่องสอน ได้เคลื่อนย้ายโคมาจากพม่าเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายกับสินค้าอื่น ๆ โดยถ้ามีรูปร่างสวยงาม
เป็นที่ถูกใจก็จะคัดเอาไว้เลี้ยง และแม่พ่อค้าโคชาวของหรือไทยของซึ่งมีถิ่นฐานในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูนได้พบเห็นและ
ชอบใจในโคเหล่านี้จึงได้ซื้อและได้นำมาเลี้ยงผสมพันธุ์ในกลุ่มโคขาวด้วยกันเอง จนได้ลูกหลานโคที่มีผิวและขนขาวเด่น
รูปร่างสวยเพรียวขึ้นแตกต่างไปจากเดิม
เป็นโคที่มีลักษณะสวยเพรียว สันทัด สีขาวปลอด ขนตาออกสีขาวชมพู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เขาสีขาว จมูกสีขาว 
ขนหางสีขาว กีบสีขาว เหนียงไม่หย่อนยานมาก มีนิสัยเชื่อง ไม่ดุ ฝึกสอนง่ายสามารถใช้ไถนาเทียมเกวียนได้อย่างดี
ได้รับความนิยมสูงในเกษตรกรภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เป็นพันธุ์โคเอกลักษณะของจังหวัด
ลำพูน ซึ่งสมควรจะได้รับการอนุรักษ์ไว้ต่อไป (จุลสารผสมเทียม "40 ปี งานผสมเทียมในประเทศไทย")


โคพันธุ์ชาโรเลส์(Charolais)

โคเพศเมียและลูกโคพันธุ์ชาโรเลส์                                          โคเพศผู้พันธุ์ชาโรเลส์

         โคพันธุ์ชาโรเลส์(Charolais) เป็นโคสายพันธุ์ยุโรป (Bos taurus) ได้รับการเรียกชื่อตามแหล่งกำเนิด  คือ
เมืองชาโรเลส์(Charolles) ในแคว้นเบอร์กันดี (Burgandy)ทางตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างปี ค.ศ. 
ี1850-1880 มีการนำโคพันธุ์ชอร์ทฮอร์น (Shorthorn) มาผสมข้ามพันธุ์เพื่อปรับปรุงให้มีลักษณะของโคเนื้อที่ดี
ียิ่งขึ้น ได้มีการยอมรับเป็นพันธุ์โคอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1864 และสามารถจัดเป็นพันธุ์แทและจดทะเบียน
้ลักษณะสายพันธุ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1887 โคพันธุ์ชาโรเลส์เป็นพันธุ์หลักของประเทศฝรั่งเศสที่ใช้ผลิตเป็นพ่อแม่พันธุ์
หรือเป็นโคขุนส่งออกไปขายยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โคพันธุ์ชาโรเลส์ได้มีการนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 
2515
โคพันธุ์ชาโรเลส์เป็นโคที่มีคุณสมบัติในการถ่ายทอดพันธุกรรมที่ดีมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง เป็นที่ยอมรับกันมากในแหล่งเลี้ยง
โคเนื้อทั่วโลกว่า สามารถให้ลูกผสมที่มีคุณลักษณะทางเศรษฐกิจดีเด่นหลายประการ เช่น อัตราการเจริญเติบโตเร็ว 
มีโครงร่างที่ใหญ่ มีประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหาร (Feed conversion)สูง และสร้างเนื้อคุณภาพ
ดีได้มาก ฯลฯ

: ลักษณะประจำพันธุ์ :
  -สีขาว ขาวเทา จนถึงสีครีมหรือสีฟางตลอดลำตัว
 -โครงร่างเป็นรูปสี่เหลี่ยม ช่วงลำตัวยาวและแน่นทึบ กล้ามเนื้อส่วนสันหลัง ช่วงต้นขาและไหล่เจริญดีมาก
 -ศีรษะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมมีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับส่วนคอที่หนาและมีกล้ามเนื้อมาก
-โคเพศผู้โตเต็มที่มีส่วนสูงเฉลี่ย 150-155 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 1,100-1,200 กิโลกรัม
 -โคเพศเมียโตเต็มที่มีส่วนสูงเฉลี่ย 140-143 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 700-750 กิโลกรัม

 โคพันธุ์อเมริกันบราห์มัน (American Brahman)
        
โคเพศผู้พันธุ์อเมริกันบราห์มันแดง                                    โคเพศผู้พันธุ์อเมริกันบราห์มัน

          โคพันธุ์อเมริกันบราห์มัน (American Brahman) เป็นโคเนื้อเมืองร้อนสายพันธุ์โคอินเดีย (Bos
indicus) ได้รับการปรับปรุงพันธุ์จากประเทศอเมริกาโดยนำไปปรับปรุงพันธุ์ทางตอนใต้ของอเมริกา ซึ่งเป็น
แถบที่มีอากาศร้อนและมีเห็บมาก โคพันธุ์นี้ถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาจากโคพันธุ์ในประเทศอินเดีย เช่น กูจาราต, 
เนลลอร์ และเกอร์รี่ กับพันธุ์อินดูบราซิลจากประเทศบราซิล ดังนั้น จึงตั้งชื่อว่าบราห์มัน ซึ่งแผลงมาจากคำว่าพราหมณ์ 
เพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศอินเดีย และใส่อเมริกันไว้ข้างหน้า เพื่อให้ทราบว่าปรับปรุงพันธุ์จากประเทศอเมริกา ทาง
กรมปศุสัตว์ได้ทดลองนำเข้าโคพันธุ์นี้ครั้งแรกจากประเทศอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2497 หลังจากนั้นก็มีการนำเข้า
เป็นระยะ ๆ ทั้งจากหน่วยงานราชการและเอกชน ปัจจุบันเป็นที่นิยมของเกษตรอย่างมากโดยเฉพาะภาคอีสาน อีกทั้ง
ยังนิยมใช้เป็นโคพื้นฐานในการผสมพันธุ์กับโคเนื้อสายพันธุ์ยุโรปอื่น ๆ เนื่องจากสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพ
ภูมิอากาศแบบเมืองร้อนและมีความทนทานต่อโรคและแมลงดี เกิดเป็นโคพันธุ์ผสมที่ดีเด่นได้หลากหลายเช่น โคพันธุ์
ชาร์เบรย์ (Chabray), พันธุ์แบรงกัส(Brangus), พันธุ์บราห์ฟอร์ด(Brahford),
ซิมบราห์(Simbrah) ฯลฯ
โคบราห์มันถ้าเลี้ยงเป็นโคขุนด้วยอาหารที่มีโปรตีนมากกว่า 16% จะสามารถโตได้วันละประมาณ 1 กิโลกรัม
และเมื่อผสมพันธุ์กับโคพันธุ์ยุโรป เช่น ชาร์โรเลส์ ลูกผสมที่เกิดมาถ้าเลี้ยงด้วยอาหารที่มีโปรตีนมากกว่า 16% จะ
สามารถโตได้ถึงวันละ 1.3 กิโลกรัม เปอร์เซ็นต์ซาก 60%

: ลักษณะประจำพันธุ์ :
-รูปร่างสูงใหญ่ ลำตัวกว้างและค่อนข้างยาว
-มีตะโหนกใหญ่ มีเหนียงใต้คอและหนังท้องหย่อน ผิวหนังยืดหยุ่นดี หูยาวและปรก สันหลังตรง
-มีสีขาว หรือเป็นสีเทาอ่อน หรือเทาเข้ม หรือสีออกแดงหรือสีดำ โดยอาจมีสีเหลือบเข้มเป็นบางส่วน เช่น
แนวสันกลางหลัง หรือสะโพก

-น้ำหนักแรกคลอดประมาณ 28 กิโลกรัม
-โคเพศผู้โตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณ 800-1,200 กิโลกรัม
 -โคเพศเมียมีตะโหนกขนาดเล็กกว่าโคเพศผู้ มีน้ำหนักประมาณ 550-800 กิโลกรัม


โคพันธุ์เฮียร์ฟอร์ด(Hereford)

โคเพศผู้พันธุ์เฮียร์ฟอร์ด

        โคพันธุ์เฮียร์ฟอร์ด(Hereford) มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ จัดเป็นโคที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โคเพศผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 1,000 กิโลกรัม โคเพศเมียมีน้ำหนัก 800 กิโลกรัม รูปร่างเตี้ยและสั้น และมีสีขาวบริเวณหน้า หน้าอก เหนียงคอ พื้นท้อง โคพันธุ์นี้มักมีสุขภาพทางเพศดี สามารถให้ลูกได้มากกว่าโคยุโรปพันธุ์อื่น ๆ แต่คุณภาพซากมักจะสู้โคยุโรปพันธุ์อื่น ๆ ไม่ได้

โคพันธุ์ชอร์ทฮอร์น(Shorthorn)

โคเพศผู้พันธุ์ชอร์ทฮอร์น

         โคพันธุ์ชอร์ทฮอร์น(Shorthorn) เป็นโคที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์จากประเทศอังกฤษทางตอนเหนือ เป็นโคขนาดกลาง โคเพศผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 850 กิโลกรัม โคเพศเมียมีน้ำหนักเฉลี่ย 600 กิโลกรัม มีเขาสั้น ขนหยิก หน้าสั้น คอสั้น รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม ลำตัวกว้างลึก ลำตัวสีแดงขาวหรือสีแดงแกมขาว

โคพันธุ์แองกัส(Angus)

โคเพศผู้พันธุ์แองกัส

         โคพันธุ์แองกัส(Angus) มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสก๊อตแลนด์ เป็นโคขนาดกลางถึงเล็ก โคเพศผู้มีน้ำหนักประมาณ 900 กิโลกรัม โคเพศเมียมีน้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม โคพันธุ์นี้จะมีสีดำตลอดตัว ไม่มีเขา ถึงวัยเจริญเร็ว แม่โคเลี้ยงลูกเก่ง โคพันธุ์นี้มีไขมันแทรกในกล้ามเนื้อมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ ทำให้เนื้อมีคุณภาพดีเยี่ยม แต่มีข้อเสียคือ 
เนื่องจากมีขนาดเล็กอัตราการเจริญเติบโตหลังหย่านมไม่ดีนัก พร้อมทั้งปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย คือ ร้อนชื้นไม่ดี


โคพันธุ์ลิมัวซิน(Limousin)

โคลูกผสมพันธุ์ลิมัวซีนในประเทศไทย
       
         โคพันธุ์ลิมัวซิน(Limousin) เป็นโคที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส นำเข้าประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2520 โดย กรป.กลาง (นิตยสารโคบาลแมกกาซีน ปีที่ 2 ฉบับที่ 16 เดือน พฤศจิกายน 2548)   เป็นโคขนาดกลาง ถึงใหญ่ โคเพศผู้หนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม โคเพศเมียหนักประมาณ 650 กิโลกรัม มีสีเหลืองอ่อนตลอดลำตัว บริเวณขอบตาและจมูก สีจะอ่อน
กว่าบริเวณลำตัว ลำตัวยาว หัวจะสั้น หน้าผากกว้าง จมูกกว้าง เขาขนานกับพื้นและปลายจะโค้งงอขึ้นข้างบน อกกลม ซี่โครงโค้งมีกล้ามเนื้อหลังเต็มบริเวณสะโพกมีกล้ามเนื้อมาก อัตราการเจริญเติบโตดี ลูกแรกเกิดมีน้ำหนักสูงคุณภาพซากดีปานกลาง มีเนื้อแดงมากแต่ความชุ่มฉ่ำมีน้อย


โคพันธุ์เดร้าท์มาสเตอร์ (Droughtmaster)

       โคเพศผู้พันธุ์เดร้าท์มาสเตอร์  
           โคพันธุ์เดร้าท์มาสเตอร์ (Droughtmaster) มีแหล่งกำเนิดอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย เกิดจากการ
ผสมข้ามพันธุ์ระหว่างโคเนื้อสายพันธุ์ยุโรป (Bos taurus)ได้แก่ พันธุ์เดวอน, ชอร์ทฮอร์น, เฮียร์ฟอร์ด
กับโคเนื้อสายพันธุ์อินเดีย (Bos indicus)ได้แก่พันธุ์อเมริกันบราห์มัน และมีสายเลือดพันธุ์ซานตา เกอร์ทรูดิส
ผสมอยู่ด้วย ในประเทศไทยได้มีการสั่งนำเข้ามาเลี้ยงจากประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2527 ด้วยเงินยืมจาก
กองทุนเกษตรกร นำมาเลี้ยงไว้ที่สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์ทับกวาง จ.สระบุรี


: ลักษณะประจำพันธุ์ :
  -ทนร้อนได้ดี เนื่องจากมีต่อมเหงื่อในตัวมาก พิเศษกว่าวัวพันธุ์อื่น ผิวหนังขับเหงื่อได้ดีพอ ๆ กับต่อมน้ำลาย ช่วยให้ขับเหงื่อเพื่อระบายความร้อนออกจากตัวได้ง่าย จึงทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดีมาก
 -ผิวสีแดง สามารถจะป้องกันรังสีแสงแดดที่แผดจ้า อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้วัวเกิดโรคก้อนเนื้อในดวงตา(Eye Cancer)และโรคเยื่อตาอักเสบ(Pink eye)
 -คุณภาพเนื้อ เป็นเนื้อคุณภาพดี นุ่มไม่เหนียว สีแดงสด สันนอกและสันในมีเนื้อแดงมาก
-กินอาหารเก่ง ช่วยให้มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว
-เหมาะสมทุกพื้นที่ เดร้าท์มาสเตอร์ถูกพัฒนาเพื่อให้อยู่ได้ในทุกสภาพพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนาทั่วแถบแปซิฟิค และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-เลี้ยงง่ายโตเร็ว มีความสมบูรณ์พันธุ์เร็ว สามารถเลี้ยงปล่อยให้พื้นที่แห้งแล้ง หากินหญ้าตามธรรมชาติที่มีคุณค่าต่ำได้อย่างไม่มีปัญหา
-ให้ลูกดก กลับเป็นสัดหลังคลอดเร็ว ความสมบูรณ์พันธุ์ดี ผสมติดง่าย เปอร์เซ็นต์การผสมติด 81-92 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ได้ลูกดกทุกปี
-เลี้ยงลูกเก่ง มีน้ำนมมาก ช่วยให้ลูกเจริญเติบโตเร็ว มีน้ำหนักเมื่อหย่านมสูง เฉลี่ยอัตราการรอดของลูกเกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

*********************

พันธุ์และลักษณะโคนม

โคพันธุ์โฮลสไตน์ (Holestein-Friesian)

เต้านมที่ใหญ่ทำให้สามารถผลิตน้ำนมได้มาก                                     โคเพศผู้พันธุ์โฮลสไตน์-ฟรีเชี่ยน         

            โคพันธุ์โฮลสไตน์ หรือพันธุ์ฟรีเชี่ยน หรือพันธุ์ขาว-ดำ เป็นโคนมสายพันธุ์ยุโรป (Bos taurus)มีแหล่งกำเนิด
จากทางตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อนำโคพันธุ์นี้ไปเลี้ยงในประเทศอังกฤษ จึงได้ชื่อว่าพันธุ์ฟรีเชี่ยน
(Friesian)  แต่ในทวีปยุโรปบางประเทศเรียกโคพันธุ์นี้ว่าพันธุ์ดำและขาว (Black and White) เป็นโคที่นิยมเลี้ยง
และแพร่กระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมากที่สุด สามารถให้ปริมาณน้ำนมมากที่สุดในบรรดาโคนมทุกสายพันธุ์


ในประเทศไทยได้มีการนำเข้ามาเลี้ยงตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหน่วยส่งบำรุงกำลังของกองทัพญี่ปุ่น 
ต่อจากนั้นก็มีผู้นำเข้ามาจากฮ่องกงและออสเตรเลีย ฯลฯ กรมปศุสัตว์ได้นำโคพันธุ์โฮลสไตน์-ฟรีเชี่ยนมาใช้เป็นพันธุ์
หลักในการผลิตและปรับปรุงพันธุ์โคนมของประเทศหลังจากปี พ.ศ. 2499 เป็นต้นมา


: ลักษณะประจำพันธุ์ :
  -มีสีขาวและดำตัดกันอย่างชัดเจน โดยการกระจายสีที่นิยมกันคือ บริเวณขาตั้งแต่ข้อเข่าลงไป ส่วนท้องและ
เต้านมเป็นสีขาว ส่วนศีรษะและลำตัวมีสีขาวสลับดำในสัดส่วนที่เหมาะสม

 -เป็นโคที่มีขนาดโครงร่าง (frame size) ใหญ่กว่าโคนมพันธุ์อื่น ๆ โคเพศเมียมีลักษณะลำตัวเป็นรูปทรง
สามเหลี่ยม กล่าวคือ ส่วนและไหล่เรียวบาง ส่วนท้ายโดยเฉพาะเต้านมมีขนาดใหญ่ได้รูปทรงงดงาม

  -สามารถให้น้ำนมโดยเฉลี่ยได้มากกว่า 8,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้น้ำนม (305 วัน) และมีไขมันเฉลี่ย
3.5% ขึ้นไป

  -มีอายุถึงวัยเจริญพันธุ์ (Purberty) เร็วคือ ระหว่าง 12-15 เดือน สามารถผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 18 เดือน
สามารถให้ลูกตัวแรกและให้น้ำนมได้เมื่ออายุ 2 ปี โตเต็มที่เมื่ออายุ 6 ปี

  -โคเพศผู้โตเต็มที่มีน้ำหนัก 800-1,000 กิโลกรัม โคเพศเมียหนัก 600-700 กิโลกรัม
  -ไม่ทนร้อน ถ้าอุณหภูมิของอากาศสูงเกินกว่า 26 องศาเซลเซียส โคพันธุ์นี้จะหอบ และไม่ค่อยกินอาหาร
ทำให้ปริมาณน้ำนมลดลง

  -ไม่ทนแมลง โดยเฉพาะเห็บ มักป่วยเป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือด (Blood parasite)ได้ง่าย

 โคพันธุ์เจอร์ซี่ (Jersey)

โคเพศเมียพันธุ์เจอร์ซี่

         โคพันธุ์เจอร์ซี่ (Jersey) เป็นโคที่ให้นมซึ่งมีไขมันมากที่สุด ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทางเกาะเล็กๆ ใน
ช่องแคบทางชายฝั่งประเทศฝรั่งเศส โคพันธุ์เจอร์ซี่เป็นโคนมพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง มีรายงานเกี่ยวกับโคพันธุ์นี้
มาเป็นเวลากว่า 6 ศตวรรษ ได้รับการจดทะเบียนพันธุ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1850 แต่ว่าได้มีการเลี้ยงโคพันธุ์นี้มาก่อนหน้านี้แล้ว โคพันธุ์เจอร์ซี่เป็นโคที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมโคนมในสหรัฐอเมริกและมีการกระจายสายพันธุ์ไปอย่างแพร่หลายทั่วโลก เป็นโคขนาดเล็ก น้ำหนักแรกเกิดเฉลี่ยประมาณ 25 กิโลกรัม


        โคตัวผู้ที่มีความสมบูรณ์จะหนักประมาณ 680 กิโลกรัม และตัวเมียประมาณ 430 กิโลกรัม ปริมาณน้ำนมไม่
มากนัก ประมาณ 3,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม รสชาติอร่อย ปริมาณไขมันในนมสูงกว่า 5% ปริมาณ
โปรตีน, แคลเซี่ยม และแร่ธาตุที่สำคัญสูงกว่าโคนมสายพันธุ์อื่น ๆ ต่างประเทศจึงนิยมเลี้ยงเพื่อผลิตเนย
เป็นโคที่กินหญ้าเก่ง สามารถเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งได้ดีพอสมควร ตาโปน หน้าหัก จมูก พู่หางมีสีดำ รูปร่างกระทัดรัด
สวยงาม สีของตัวเมียจะเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง ตัวผู้จะมีสีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม


 โคพันธุ์บราวน์สวิส(Brown Swiss)

โคเพศเมียพันธุ์บราวน์สวิส

         โคพันธุ์บราวน์สวิส(Brown Swiss) มีถิ่นกำเนิดในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แต่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ในสหรัฐอเมริกาให้มีรูปทรงเข้าแบบของโคนมมากขึ้น และให้นมดีขึ้นกว่าแหล่งกำเนิด เป็นโคขนาดใหญ่และมีโครงร่างที่ เก้งก้างกระดูกใหญ่ มีสีเหลืองขาว มีวงขาวรอบปาก,เต้านม,กระหม่อม,แนวหลัง โคตัวผู้ตัวโตเต็มที่หนักประมาณ 800-900 กิโลกรัม 
โคตัวเมียเต็มที่หนักประมาณ 500-600 กิโลกรัม ให้นมเฉลี่ย 4,500 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม เปอร์เซ็นต์ไขมันในน้ำนมประมาณ 4% เปอร์เซ็นต์โปรตีนในน้ำนมประมาณ 3.5% องค์ประกอบในน้ำนมมีมาก เหมาะสำหรับทำเนยหรือผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ ข้อดีของโคพันธุ์นี้คือ ทนต่ออากาศร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับโคยุโรปพันธุ์อื่น ๆ


โคพันธุ์เรดเดน (Red Dane)

โคเพศเมียพันธุ์เรดเดน

        โคพันธุ์เรดเดน (Red Dane) นำเข้ามาเลี้ยงในเมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยความช่วยเหลือของรัฐบาลเดนมาร์ก ที่ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และได้แพร่กระจายอยู่ในกลุ่ม โคนมเขตสระบุรีและใกล้เคียงมาพอสมควร เป็นโคที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และเจ้าเนื้อพอสมควร มีสีแดงเข้มตลอดทั้งตัว เป็นทั้งโคเนื้อและโคนม โคตัวเมียให้นมเฉลี่ย 4,500 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม น้ำนมมีเปอร์เซ็นต์ไขมัน 4% ถ้าไม่รีดนมจะให้เนื้อมาก สามารถเลี้ยงให้อ้วน เพื่อขายเป็นโคเนื้อได้ง่าย ปัจจุบันในเมืองไทยไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่ากับพันธุ์ขาวดำ

โคพันธุ์ซิมเมนทอล(Simmental)

โคเพศเมียพันธุ์ซิมเมนทอล

        โคพันธุ์ซิมเมนทอล(Simmental) เป็นโคสายพันธุ์ยุโรป (Bos Taurus) ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แต่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ในประเทศเยอรมันกว่า 2 ศตวรรษ โดยเน้นไปที่คุณสมบัติของความเป็นโคทวิประสงค์ (Dual purpose) กล่าวคือ เป็นโคพันธุ์ที่มีโครงร่างใหญ่ สามารถให้ทั้งเนื้อและนมที่ดีและในระยะ 30 ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมจากประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดานำไปเลี้ยงเป็นสายพันธุ์หลักพันธุ์หนึ่งของประเทศและแพร่พันธุ์ในเชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวางสู่ภูมิภาคต่าง ๆ จนอาจกล่าวได้ว่า ทุกวันนี้มีสายพันธุ์ของโคซิมเมนทอลทั้งเป็นพันธุ์แท้และลูกผสมแพร่กระจายอยู่ทั่วโลกมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง

: ลักษณะประจำพันธุ์ :
 -โครงร่างเป็นสี่เหลี่ยม ช่วงลำตัวยาวและลึก บั้นท้ายใหญ่ ช่วงขาสั้นและแข็งแรง
-ลำตัวมีสีแดง (น้ำตาล-แดงเข้ม ไปจนถึงสีฟางหรือเหลืองทอง) เป็นส่วนมากของร่างกาย โดยมีสีขาวกระจาย
แทรกอยู่ทั่วไปตามส่วนอก ท้อง และขา

 -ศีรษะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ใบหน้าเป็นสีขาว และมักมีสีแดงรอบนัยน์ตา
-สามารถให้น้ำนมเฉลี่ย 5,095 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม เปอร์เซ็นต์ไขมันในน้ำนมประมาณ 3.99% โปรตีนในน้ำนมประมาณ 3.99% อัตราการ
เจริญเติบโตตั้งแต่แรกเกิดเมื่อได้รับการเลี้ยงและการจัดการที่ดีประมาณ 1,259 กรัมต่อวัน

-อายุถึงวัยเจริญพันธุ์ (Puberty) ประมาณ 18-20 เดือน
-โคตัวผู้โตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณ 1,100-1,300 กิโลกรัม โคตัวเมียโตเต็มที่หนักประมาณ 600-850 กิโลกรัม  

โคพันธุ์ซาฮีวาล (Sahival)

โคเพศผู้พันธุ์ซาฮีวาล

         โคพันธุ์ซาฮีวาล (Sahival) เป็นโคนมที่ดีที่สุดของอินเดีย ถิ่นกำเนิดอยู่ในแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน
รูปร่างคล้ายเรดซินดี้ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ลำตัวยาวและลึก ค่อนข้างเจ้าเนื้อ เขาสั้น ตัวมีสีแดง และมีแต้มสีน้ำตาลขาว
ทั่วไป เขาสั้นซึ่งยาวประมาณ 10 เซนติเมตร คอสั้น หูใหญ่และพับตก เหนียงคอหย่อนยาน ตะโหนกใหญ่และมักเอียง
ข้าง บั้นท้ายใหญ่และกว้าง หางยาวจนพู่หางระพื้นดิน เต้านมใหญ่และมักหย่อน เป็นโคขนาดปานกลาง ตัวผู้มีน้ำหนัก
ประมาณ 500-600 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 400-450 กิโลกรัม แม่โคให้นมเฉลี่ย 2,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม และมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในน้ำนม 4.3% ให้ลูกครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 3 ปี


 โคพันธุ์เรดซินดี้ (Red Sindhi)

โคเพศผู้พันธุ์เรดซินดี้
         
            โคพันธุ์เรดซินดี้ (Red Sindhi) เป็นโคที่มีชื่อเสียงของประเทศอินเดียและปากีสถาน มีขนาดค่อนข้างเล็กตัวผู้หนักประมาณ 450-500 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 300-350 กิโลกรัม ลักษณะที่แตกต่างจากซาฮีวาลคือ รูปร่างจะหนาแน่นกว่า บั้นท้ายจะกลมกว่า ลูกโคเมื่อเกิดมีน้ำหนักตัวประมาณ 20 กิโลกรัม รูปร่างค่อนข้างลึกและ หนา บั้นท้ายกลมและลาดโค้ง สีแดงทั้งตัว บางตัวสีอ่อนจนเกือบเป็นสีขุ่น อาจมีจุดหรือด่างขาวที่เหนียงคอ และหน้าผากหัวและหน้าผากกว้างใหญ่ โคนเขาหนา หูยาวปานกลางและพับตก มีหนังหลวมมาก พื้นท้องและเหนียงคอหย่อนมาก เต้านมใหญ่แต่ค่อนข้างหย่อน หัวนมค่อนข้างใหญ่ ตะโหนกใหญ่แต่ไม่เท่าพันธุ์ซาฮีวาล แม่โคให้นมเฉลี่ยได้ประมาณ 1,500-2,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม หรือให้นมประมาณวันละ 5-8กิโลกรัมเริ่มให้นมช้าคือ เริ่มให้นมเมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป ทนต่ออากาศร้อนได้ดี ข้อเสียของโคพันธุ์นี้คือ ในการให้นมต้องให้ลูกโคกระตุ้นเร้าให้แม่โคปล่อยน้ำนม เต้านมเป็นรูปกรวยและหัวนมรวมเป็นกระจุก ทำให้รีดนมได้ยาก ขนาดของหัวนมใหญ่เกินไป ถ้าทำการหย่านมลูก แม่โคจะหยุดให้นม

******************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น